intimacy ดู เจเป็นพนักงานผสมเหล้าที่ทอดทิ้งครอบครัวเนื่องจากเมียของเขาหมดความพอใจในตัวเขารวมทั้งความเกี่ยวพันของพวกเขา ในช่วงเวลานี้อาศัยอยู่โดยลำพังในบ้านที่เสื่อมโทรม เขามีเพศสัมพันธ์แบบสบายๆทุกอาทิตย์กับเพศหญิงนิรนามซึ่งเขาไม่เคยรู้ชื่อ ในตอนแรก ความเกี่ยวข้องของทั้งสองเป็นความสมาคมทางร่างกายล้วนๆแม้กระนั้นสุดท้ายเขาก็หลงรักคุณ อยากรู้รายละเอียดต่างๆนอกเหนือจากนี้เกี่ยวกับคุณ เขาตามคุณข้ามถนนในลอนดอนไปยังปริมณฑลสีเทาที่คุณอาศัยอยู่ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ตามคุณไปที่โรงแสดงละครในผับซึ่งคุณดำเนินการเป็นดาราหนังในช่วงเวลาเย็น เขาทราบดีว่าคุณชื่อแคลร์ และก็คุณสมรสกับแอนดี้มีลูกชายคนหนึ่ง ถัดมาเป็นที่แจ่มแจ้งว่าคุณจะไม่ทิ้งครอบครัวไป พวกเขาเจอกันเป็นหนสุดท้ายรวมทั้งร่วมเพศกับความสนิทสนมที่หายไปในระหว่างการร่วมเพศที่ไม่ถูกกฎหมายของการเผชิญหน้าคราวก่อน
เป็นอีกหนึ่งเฟรนไชส์หนังไล่ฆ่าแกงกันอย่างสนุกสนานมือ ที่พากเพียรคัดสรรหนทางรวมทั้งการขยายแนวทางออกไปได้เรื่อยแล้วก็ดูท่าทีว่าจะไม่สิ้นสุดลงกล้วยๆเสียด้วย แล้วก็เป็นการกลับมาอีกทีของ “Scream 6 หวีดร้องเต็มที่ 6” ต้นตำหรับหนังแนวสแลชเชอร์เฉือนสยดสยองที่อาจกะพันมาอย่างช้านานสู่ทศวรรษที่ 3 คัมแบ็กครั้งนี้จัดว่าหามความมานะบากบั่นสดใหม่แบบเต็มบ่า ด้วยเหตุว่ามีทั่วทั้งเมืองใหม่ กฎใหม่ แล้วก็ฝูงชนใหม่ๆที่ต้องระมัดระวังผู้ชมจะติดตามไม่ทันเอานะสำหรับในภาคนี้ Scream 6 จะจุดโฟกัสไปยังเหล่าผู้รอดพ้นจากความตายจากการฆ่าโหดเหี้ยมของโกสต์เฟส นำกลุ่มโดย แซม กับ ทาร่า พวกคุณได้ตกลงใจทิ้งเมืองวู้ดส์โบโร่เอาไว้เบื้องหน้าเบื้องหลัง เพื่อไปเริ่มชีวิตใหม่ในมหานครนิวยอร์กกับพ้องสหาย โดยที่พวกเขาก็ไม่คาดคิดอย่างเดียวกันว่า สิ่งที่กลัวที่สุดจะยังติดตามมาหลอกหลายพวกเขาถึงเมืองใหญ่ที่นี้ด้วย
intimacy ดู หนังเต็มเรื่อง HD
รวมทั้งในภาคนี้ก็ยังคงได้คู่หูผู้กำกับคู่เดิม “แมตต์ เบตตำหนิเนลลี-โอลพิล” กับ “ไทเลอร์ กิลเล็ตต์” มาสืบต่อเรื่องราวอีกภาค ที่ก็จำต้องสารภาพในความสามารถงานสร้างของพวกเขา ที่ชำนาญงานหนังชนิดนี้เป็นทุนเดิมอยู่ แล้วก็ภาคใหม่นี้้พวกเขาก็เริ่มบังคับแนวทางของหนังได้แคล่วคล่องว่องไวได้เพิ่มขึ้น ใส่ไอเดีย พร้อมด้วยบากบั่นสร้างกฎข้อปฏิบัติใหม่ๆให้กับหนังชุดนี้ ที่นับว่าเป็นสิ่งที่ประทับใจดี แต่ว่าก็ยังมีหลายๆมุมมองที่สัมผัสได้ว่าบางครั้งก็อาจจะยังไม่เวิร์กอยู่บ้างแน่ๆว่าความสดใหม่ของ Scream 6 ในภาคนี้ก็คือการย้ายโลเคชั่น ที่มิได้วนเวียนและก็ซ้ำจากจำเจอยู่กับเมืองวู้ดส์โบโร่แบบเดิมๆอีกแล้ว โน่นก็เลยทำให้ห้อมล้อมมองแปลกใหม่ต่อตัวหนังเพิ่มขึ้น หากว่าพล็อตเรื่องของหนังก็ยังคงวนลูปบ่อยๆเหมือนเดิมอยู่ก็ตาม แม้กระนั้นผู้ผลิตต่างรับทราบได้อย่างดีเยี่ยมแล้วว่า
หนังจะต้องแงะเคล็ดลับไหนออกมา แล้วก็ผู้ชมอยากมองเห็นอะไรบ้างในหนังประเด็นนี้กันแน่ intimacy ดู ก็เลยทำให้หนังไล่ฆ่ากันแบบคุ้มดีคุ้มร้าย ที่มีความยาวถึง 2 ชั่วโมงประเด็นนี้ ยังส่งผลให้การฆ่าแกงเป็นความเพลิดเพลินได้อยู่ถัดไป บทหนัง Scream 6 ก็ยังได้โอกาสมจากภาคที่แล้ว “เจมส์ แวนเดอร์บิวต์” กับ “กาย บูซิกข์” มารับหน้าที่ปลุกปั้นอีกที จะต้องชื่นชอบเพราะว่าพวกเขาค้นหาไอเดียสดใหม่มาเติมเต็มให้กับพล็อตเรื่องของหนังหัวข้อนี้ ถึงแม้ว่าบทก็ยังคงยึดเอาสูตรสำเร็จเดิมๆของหนังชุด Scream มาใช้ แม้กระนั้นการใส่ลูกเล่นรวมทั้งปรับแนวทางเล่าที่สร้างบรรยากาศที่ทำให้ผู้ชมเดาไม่ถูกๆถูกๆอยู่เสมอเวลา
โน่นเป็นเสน่ห์ที่สำคัญของเฟรนไชส์หนังหัวข้อนี้นั่นเองรวมทั้งสิ่งที่เด่นมากมายๆในภาคนี้ก็คือความบากบั่น(หรือจะเห็นว่าแออัดยัดเยียดดีนะ?)สำหรับในการยกย่องรวมทั้งชมเชยเฟรนไชส์หนังชุดนี้ ที่ดำเนินมายาวนานตลอดกว่า 20 ปี จนกระทั่งภาคที่ 6 ในวันนี้ พวกเขาใส่กิมไม่กรวมทั้งอีสเตอร์เอ้กเอาไว้ดักแฟนคลับล้นหลาม มีทั้งยังจุดกลมกลืนเจริญรวมทั้งจุดที่รู้สึกแออัดยัดเยียดเกินความจำเป็นหน่อยผสมกันไป นี่เป็นความบากบั่นของหนังที่จะดำเนินรอยตามสร้างความแข็งแรงให้กับเฟรนไชส์นี้ ถึงขนาดที่ต้องการจะเรียกตัวเองว่าเป็นครอบครัวอีกประเด็นบ้าง
ส่วนทางด้านการแสดงนั้น ภาคนี้มีทั้งยังดาราคนเดิมรวมทั้งคนใหม่มาสมทบ “เมลิซซ่า บาร์เรร่า” มารับบทหนักกับการเป็นตัวละครหลักสำหรับการเดินเรื่องภาคนี้ ที่นับได้ว่าเป็นคุณก็จัดการก้าวหน้า แต่ว่าบางครั้งอาจจะยังไม่เสมอกันกับภาคก่อน กระนั้นก็นับว่ามีโชคมาช่วย เพราะ “เจนน่า ออร์เทก้า” ได้ขยับขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งผู้แสดงนำ ภายหลังที่คุณแจ้งกำเนิดเป็นดาวรุ่งดวงใหม่หมาดๆทำให้พลังซุปตาร์ของคุณมาช่วยสนับสนุนหนังภาคนี้เอาไว้ได้อย่างตรงจังหวะ
CREED III สังเวียนที่เกียรติ
กลับมาอีกรอบสำหรับในการชิงบัลลังก์สังเวียนที่เกียรติยศ กีฬามวย กับหนัง CREED III (ครี้ด 3) กับความร้อนแรงแผดเผาให้พวกเราได้ตื่นเต้น และก็ลุ้นไปกับการขึ้นสู่เวทีเพื่อก้าวถึงคำว่า แชมป์ อย่างไม่ท้อถอย แม้จะไม่เคยรับดูภาคก่อนหน้า แม้กระนั้นก็สามารถรู้เรื่องในรายละเอียดที่สื่อออกมาได้ในทันทีทันใด กับการดู CREED III ในภาคนี้ และไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องราวบนสังเวียน แต่ว่ายังแปลงผ่านอารมณ์มาเล่าครอบครัวคล้องจองกันไปอีกด้วยCREED III เกิดเรื่องราวชีวีว่ากล่าวของ อโดนิส ครี้ด (สวมบทโดย ไมเคิล บี. จอร์แดน) เขาได้ครองแชมป์ แล้วก็เป็นเบอร์แรกของแวดวงมวย พร้อมไปด้วยความรุ่งโรจน์ในอาชีพงานการ แล้วก็ชีวิตครอบครัวของเอา จนกระทั่งเพื่อนพ้องยุคเด็กรวมทั้งยังเป็นอดีตนักมวยฝีมือดี อย่าง เดภรรยาน อันเดอร์สัน (รับบทบาทโดย โจนาธาน เมเจอร์ส) กลับเข้ามาให้ชีวิตของเขาอีกที การเผชิญหน้ากับระหว่างเพื่อนเก่าในคราวนี้ ก็เลยเป็นมากกว่าการต่อสู้เมื่อไหร่ๆ
เปิดตัวมาด้วยวัยเด็กของ 2 ผู้แสดงหลัก อย่าง อโดนิส รวมทั้ง intimacy หนัง เดภรรยาน มาผูกปมความสนิทไว้ตั้งแต่เริ่ม ก่อนไปสู่เรื่องราวหลักในขณะนี้แบบสบายๆมีฉากน่ารักน่าเอ็นดูให้ได้พักหัวใจก่อนที่จะไปสู่ความเข้มข้น เมื่อเขาทั้งคู่คนได้เจอกันอีกรอบ แล้วก็เดภรรยาน กลับมาเพื่อไปสู่สังเวียนการชกมวย ทวงตำแหน่งแชมป์ที่เขาคอยมาเป็นระยะเวลานาน พร้อมไปกับเงื่อนในอดีตกาลที่คืบคลานเข้ามาใกล้ตัวเขามากเพิ่มขึ้น ก็เลยทำให้บัลลังก์ในคราวนี้ อโดนิส จะต้องกลับลงมาทวงคืนเกียรติยศของนักมวยมืออาชีพอีกทีนอกเหนือจากการเอ่ยถึงการชกมวย รายละเอียดยังสลับไปกับเรื่องราวของครอบครัวเจริญพอควร ทั้งยังความรัก ความกังวล ของเมีย อย่าง บิอังก้า (สวมบทโดย เทสซ่า ทอมป์สัน) คุณนั้นก็พักจากวิธีการทำสิ่งที่ตนเองรัก รวมทั้งทำอะไรที่ใกล้เคียงกัน เพื่อตนเองนั้นยังคงสุขสบายกับความชื่นชอบของตน
และก็บุตรสาวของเขา โทนี่ ‘ลิตเติ้ล ดุ๊ก’ เบอร์ตัน (เล่นบทโดย วู้ด แฮร์ริส) intimacy ดู เมื่อคุณนั้นมีเรื่องมีราวการใช้ความร้ายแรงกับเพื่อนพ้องในสถานศึกษาผู้พิการทางหู แต่ทว่ากลับไม่มีผลสรุปของรายละเอียดว่าปรารถนาสื่อถึงการต้านทานความร้ายแรง หรือผลการทำอะไร รวมทั้งยังจุดหลักสำคัญอีกพอสมควรที่มีเรื่องมีราวเกิดขึ้น แม้กระนั้นเอาแต่ใจไปไม่จบทาง เปรียบเสมือนเพียงพอไปสู่แกนการชกมวยของสองผู้แสดงหลัก รายละเอียดอื่นๆก็ค่อนข้างจะเบาบางลงไปแน่ๆว่าหากแม้จะเป็นการดูแลทีแรกของ ไมเคิล บี. จอร์แดน แต่ว่าก็ทำออกมาได้ออกจะดี ในส่วนของมิติการถ่ายทำคงจะจะต้องบอกเลยว่า เขาทำออกได้อย่างดีเยี่ยม เสมือนว่าเขานำประสบการณ์จากครั้งกระโน้นบนเวที มาถ่ายทอดมุมมองของผู้แสดงในระหว่างการชกมวย การจัดวางแสงสว่างและก็เงาสำหรับการถ่าย
มูดแอนด์โทนของแต่ละฉากสามารถส่งผ่านอารมณ์ได้ดิบได้ดี ไม่ว่าจะเป็นช่วงๆดราม่า แอ็คชัน หรือย้อนรำลึกถึงความจำในสมัยก่อน พร้อมไปกับการรับดูในระบบ IMAX ให้ความแหลมคมชัด และก็สัมผัสบรรยากาศไปกับพวกเขาอย่างยิ่งจริงๆด้านการแสดง ไมเคิล บี. จอร์แดน เองยังคงเอาอยู่ทุกหมัดเด็ด ฉากอารมณ์ดราม่าร้องไห้พราก ฉากแอ็คชันบนสังเวียน หรือจะเป็นการฝึกฝนก่อนขึ้นสังเวียนมวย ช่วยปรับให้พวกเรามองเห็นความมานะบากบั่น และก็ภูมิหลังของพวกเขาที่จะทุ่มเททำในสิ่งที่ตัวเราเองรัก พร้อมไปกับการผลักดันและส่งเสริมจากครอบครัวเอง แม้กระนั้นเงื่อนทั้งหมดทั้งปวงทั้งสิ้นที่อบอวลในหัวข้อนี้ ล้วนมากมายจากตัว อโดนิส เอง
ก็เลยร้องเพลงความดราม่ามาที่ ไมเคิล บี. จอร์แดน อย่างเต็มรูปแบบ แม้กระนั้นการแสดงของเขาไม่ต้องหวั่นไหวด้วยเหตุว่ามาบทไหนก็จัดเต็มอย่างดุเดือดอย่างที่เกริ่นไปข้างต้นการถ่ายทำของหนัง CREED III จะต้องยกนิ้วให้กับแนวทางมุมกล้องถ่ายรูปของการอยู่บนสังเวียน เพราะว่ามีมากมายระดับให้ได้ขับอารมณ์ไปสู่ความเข้มข้นสำหรับการลุ้นการชกมวยของพวกเขา การตัดต่อสลับไปๆมาๆเวลาขึ้นสังเวียน และก็ทุกชูมีมุมมองที่ปลุกอารมณ์ให้กับผู้ชมอย่างสมจริงสมจัง ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงผ่านของฉากอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีสลับไวไปบ้างตามบทการเล่าเรื่อง แต่ว่ามิได้ขัดกับอารมณ์การรับดู เนื่องจากมีการไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยรวมทั้งผ่อนระดับลงมาเจริญพอควร
Die Hart: The Movie
จากที่เคยทำออกมาเป็นซีรีส์ออกฉายไปเมื่อแทบ 3 ปีกลาย เขาก็กลับมาอีกทีในต้นแบบเดอะมูฟวี่ อย่าง “Die Hart: The Movie” หนังบู๊ขำขันสายเจ็บตัวรวมทั้งตะเบ็งแนวถนัดของศิลปินสุดฮา “เควิน ฮาร์ท” ที่อาจจะกล่าวว่าเป็นฉบับเปลี่ยนแปลงจากเดิม แต่งเติมเพิ่มอรรถรสเข้าไปอย่างเต็มเปี่ยม แต่ว่าผลสรุปที่ออกมาจะยังเวิร์กอยู่หรือเปล่า…จำเป็นต้องมาพิสูจน์ Die Hart: The Movie ถือเป็นการแตกหน่อออกมาจากฉบับซีรีส์ ที่จะพาตามติดไปดูชีวิตในเวอร์ชั่นมายาคติของ เควิน ฮาร์ท ขณะที่เขากำลังเพียรพยายามจะเป็นนักแสดงแอคชั่น เขาได้เข้าชั้นเรียนที่สถานที่เรียนการแสดง โดยที่ได้ รอน วิลค็อกซ์ มารับหน้าที่เป็นคุณครู เขาตั้งมั่นศึกษารวมทั้งหาวิธีที่จะเป็นแอคชั่นสตาร์เบอร์ต้นๆที่แวดวงหรรษาอยากตัวเยอะที่สุด
รวมทั้งนี่เป็นการนำเอาต้นฉบับเวอร์ชั่นซีรีส์มาหล่อรวมดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขขึ้นมาใหม่ intimacy ดู ออกมาเป็นฉบับหนังยาวเรื่องหนึ่ง ที่พูดจากใจจริงก็ไม่เคยทราบเช่นเดียวกันว่าจะทำอย่างงี้ออกมาเพราะเหตุใด เนื่องจากว่าเวอร์ชั่นชื่อเดียวกันที่ฉายออกไปแล้ว 10 ตอน ในตอนวัววิด-19 กำลังระเบิดหนัก ทำให้ตัวซีรีส์ไม่ค่อยจะปังสักเท่าไหร่ นี่บางครั้งอาจจะเป็นอีกต้นสายปลายเหตุที่พวกเขาตกลงใจทำแยกอีกฉบับเป็นหนังด้วยDie Hart: The Movie ได้ “อีริค แอปเพล” ผู้กำกับจากซีรีส์ดัง Brooklyn Nine-Nine มารับช่วงต่อ โดยเครดิตบทหนังยังชูให้กับ “ดีเร็ค วัวลสตาด” จากหนัง John Wick ทุกภาค กับ “ทริปเปอร์ แคลนลานซีย์” (จาก Stuber)
ที่ผนึกความสามารถกันเขียนบทออกมาให้ เป็นจะกล่าวว่าเป็นการทำหนังใหม่ก็คงจะไม่เชิง betflix365 เพราะว่าคงจะเรียกว่านำมาผสมโรงและก็ตัดต่อใหม่ให้กลมกล่อมละมุนละไมเป็นหนังมากยิ่งกว่าแล้วก็คำตอบที่ออกมานั้น คงจะต้องนิยามให้เลยว่า “สกปรก” แม้กระทั่งไม่เคยมองฉบับซีรีส์มาก่อน แม้กระนั้นเชื่อไหมว่าแค่นั่งดูเวอร์ชั่นหนังเพียงแค่ 80 กว่านาหน ก็เรียกได้ทรมาทรกรรมมากมายจริงๆน่าจะเป็นแฟนเดนถางของ เควิน ฮาร์ท ถึงจะติดอกติดใจในผลงานหนังชิ้นนี้ ด้วยเหตุว่าทุกๆสิ่งทุกๆอย่างเกือบจะไม่มีอะไรที่น่าอภิรมย์หัวใจเลยนิดหน่อย ทุกซีนเป็นการประดิษฐ์ประดอย บวกกับมานะทำให้ออกมาตลกขบขันเกือบจะทั้งนั้น
